บริหารจัดการอาคาร: การตรวจเช็คระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ (Fire Alarm System Inspection & Testing)การตรวจเช็คระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรับรองว่าระบบจะสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้จริง การตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอตามมาตรฐานที่กำหนด ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน แต่ยังเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและเงื่อนไขการประกันภัยอีกด้วย
ความถี่ในการตรวจเช็คโดยทั่วไป:
รายวัน/รายสัปดาห์ (Daily/Weekly): ตรวจสอบเบื้องต้นโดยผู้ใช้งานอาคาร
รายเดือน (Monthly): ตรวจสอบโดยช่างเทคนิคที่ผ่านการอบรม
รายปี (Annually): ตรวจสอบและทดสอบอย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญหรือบริษัทที่ได้รับอนุญาต
รายการและวิธีการตรวจเช็คระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้
1. การตรวจเช็ครายวัน/รายสัปดาห์ (โดยผู้ดูแลอาคาร)
ตรวจสอบสถานะของแผงควบคุมหลัก (Fire Alarm Control Panel - FACP):
ดูว่ามีไฟแสดงสถานะปกติ (Normal/Green light) ติดสว่างหรือไม่
ตรวจสอบว่าไม่มีไฟแสดงสถานะผิดปกติ (Trouble light/Yellow light) หรือไฟแจ้งเหตุ (Alarm light/Red light) ติดสว่างอยู่
ดูว่ามีข้อความแสดงข้อผิดพลาด (Fault message) บนหน้าจอหรือไม่ หากมี ให้บันทึกและแจ้งช่าง
ตรวจสอบแหล่งจ่ายไฟ (Power Supply):
เช็คว่าแบตเตอรี่สำรองอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ โดยทั่วไปแผงควบคุมจะแสดงสถานะแบตเตอรี่ หากมีไฟเตือน แสดงว่าแบตเตอรี่มีปัญหาหรือหมดอายุ
ตรวจสอบความสะอาดของอุปกรณ์ (Visual Inspection):
เดินดูอุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detectors), อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detectors), สถานีแจ้งเหตุด้วยมือ (Manual Pull Stations), และกระดิ่ง/ไฟสัญญาณ (Horns/Strobes) ว่าไม่มีสิ่งกีดขวาง ไม่มีฝุ่นเกาะหนาแน่น หรือความเสียหายทางกายภาพ
2. การตรวจเช็คและทดสอบรายเดือน (โดยช่างเทคนิค/ผู้ดูแลที่ผ่านการอบรม)
นอกเหนือจากการตรวจเช็ครายวัน/รายสัปดาห์แล้ว ให้ดำเนินการดังนี้:
ทดสอบแบตเตอรี่สำรอง:
ตัดไฟหลักของแผงควบคุมหลัก แล้วตรวจสอบว่าระบบยังคงทำงานได้ด้วยแบตเตอรี่สำรองนานเท่าที่กำหนด (ตามมาตรฐานคือสามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง และจ่ายไฟสัญญาณเตือนได้ 5 นาที) จากนั้นต่อไฟหลักกลับเข้าไป
ทดสอบการทำงานของอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ (Manual Pull Stations):
สุ่มเลือกสถานีแจ้งเหตุด้วยมืออย่างน้อย 1 จุดในแต่ละโซน (หากมีหลายโซน) หรือ 1 จุดต่อชั้น
เปิดใช้งานสถานีแจ้งเหตุด้วยมือ (ดึงคันโยกหรือกดปุ่ม) เพื่อให้สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น
ตรวจสอบว่าเสียงสัญญาณเตือนดังชัดเจน และไฟสัญญาณ (Strobe lights) ทำงาน
กดรีเซ็ต (Reset) ระบบบนแผงควบคุมหลัก และตรวจสอบว่าสถานะกลับสู่ปกติ
ทดสอบการทำงานของกระดิ่ง/ไฟสัญญาณ (Horns/Strobes):
เปิดใช้งานสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้จากแผงควบคุมหลัก เพื่อตรวจสอบว่าอุปกรณ์ให้เสียงและแสงทั้งหมดทำงานอย่างถูกต้องและดังชัดเจนทั่วถึง
ตรวจสอบการสื่อสารกับระบบอื่นๆ (ถ้ามี):
ระบบควบคุมการเข้า-ออกประตู, ระบบลิฟต์ (ลงมาที่ชั้นที่กำหนด), ระบบระบายอากาศ (หยุดพัดลม), ระบบปรับอากาศ (หยุดการทำงาน)
3. การตรวจเช็คและทดสอบรายปี (โดยผู้เชี่ยวชาญ/บริษัทที่ได้รับอนุญาต)
เป็นการตรวจเช็คที่ครอบคลุมและละเอียดที่สุด ตามมาตรฐาน NFPA 72 (National Fire Alarm and Signaling Code) หรือมาตรฐานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง
ทดสอบแผงควบคุมหลัก (FACP) และอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมด:
ทดสอบฟังก์ชันการทำงานทุกอย่างของแผงควบคุมหลัก รวมถึงวงจรควบคุม, แหล่งจ่ายไฟ, การเชื่อมต่อเครือข่าย, และการบันทึกเหตุการณ์
ทดสอบอุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detectors):
ทดสอบด้วยควัน (Functional Test): ใช้ควันสังเคราะห์พ่นไปที่ตัวตรวจจับเพื่อดูว่ามีการตอบสนองหรือไม่ และสัญญาณเตือนดังขึ้น
ทดสอบความไว (Sensitivity Test): ใช้เครื่องมือเฉพาะวัดค่าความไวของเครื่องตรวจจับควันแต่ละตัว เพื่อให้มั่นใจว่ายังอยู่ในช่วงที่กำหนด (ไม่ไวเกินไปจนเกิด False Alarm และไม่หน่วงเกินไป)
ทำความสะอาดภายในตัวตรวจจับควัน
ทดสอบอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detectors):
ทดสอบด้วยความร้อน (Functional Test): ใช้เครื่องมือให้ความร้อนที่ตัวตรวจจับเพื่อดูว่ามีการตอบสนองหรือไม่
ทดสอบอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ (Manual Pull Stations):
ทดสอบการทำงานของทุกจุด (ไม่ใช่แค่สุ่ม)
ทดสอบกระดิ่ง/ไฟสัญญาณ (Horns/Strobes):
ทดสอบการทำงานของทุกจุด รวมถึงความดังและแสงสว่างที่เหมาะสม
ทดสอบอุปกรณ์ควบคุมอื่นๆ (Interface Devices):
ทดสอบการทำงานร่วมกับระบบอื่นๆ เช่น ระบบประตูหนีไฟ, ระบบลิฟต์, ระบบควบคุมพัดลมระบายอากาศ, ระบบตัดแก๊ส/ไฟฟ้า
ตรวจสอบการเดินสายและอุปกรณ์เชื่อมต่อ:
ตรวจสภาพสายไฟ, ข้อต่อ, และสายกราวด์ ว่าไม่มีการชำรุดเสียหาย
จัดทำบันทึกการตรวจเช็ค (Inspection & Testing Report):
บันทึกผลการตรวจเช็คอย่างละเอียด รวมถึงวันที่, ผู้ตรวจ, รายการที่ตรวจ, ผลการทดสอบ, และข้อบกพร่องที่พบ พร้อมแนวทางแก้ไข
ข้อควรระวังและสิ่งสำคัญ
แจ้งผู้ใช้อาคารล่วงหน้า: ทุกครั้งที่มีการทดสอบระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ ควรแจ้งให้ผู้ใช้อาคารทราบล่วงหน้า เพื่อป้องกันความตกใจและเข้าใจผิดว่าเกิดเพลิงไหม้จริง
ปิดระบบเชื่อมต่อที่ไม่เกี่ยวข้อง: ระหว่างการทดสอบ ให้ปิดการทำงานของระบบที่เชื่อมต่อกับสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ชั่วคราว เช่น ระบบแจ้งเหตุไปยังสถานีดับเพลิง เพื่อป้องกันการแจ้งเหตุที่ไม่จำเป็น
ผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ: การตรวจเช็คและทดสอบระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ ควรดำเนินการโดยผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และได้รับการอบรมมาโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจในความถูกต้องและปลอดภัย
บันทึกข้อมูล: การบันทึกผลการตรวจเช็คอย่างละเอียดและจัดเก็บไว้เป็นเอกสารสำคัญสำหรับการอ้างอิงและตรวจสอบ
การตรวจเช็คระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้อย่างสม่ำเสมอและถูกต้องตามหลักวิชาการ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาประสิทธิภาพของระบบ และเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการความปลอดภัยในอาคารอย่างมีคุณภาพครับ