สถิติผู้ป่วยอัลไซเมอร์ในประเทศไทย พบได้ในกลุ่มทั่วไป เฉลี่ยอายุ 65 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 5 กลุ่มอายุ 75 ปีเฉลี่ยร้อยละ 15 และกลุ่มอายุ 85 ปีประมาณร้อยละ 30- 40 นั่นหมายถึงเมื่อตัวเราเองหรือคนในครอบครัวแก่ตัวขึ้น โอกาสที่จะเป็นอัลไซเมอร์สูงมากขึ้นเรื่อย ๆ การเตรียมพร้อมรับมือและเรียนรู้เพื่อหาแนวทางป้องกัน จึงเป็นสิ่งสำหรับที่ต้องวางแผนกันไว้ล่วงหน้า ในมุมมองของผู้ดูแล ถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรงในการดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นคุณพ่อของผู้เขียนเอง เพื่อต้องการถ่ายทอดความรู้ให้กับมือใหม่ที่ต้องเผชิญหน้ารับมือกับการดูแล คุณพ่อ คุณแม่หรือผู้สูงอายุในบ้านที่ต้องเจอกับโรคอัลไซเมอร์
อาการของอัลไซเมอร์ ไม่ใช่แค่ลืม
ก่อนหน้านี้ผู้เขียนทราบเพียงแค่ว่า อาการของอัลไซเมอร์มีเพียงความจำที่หายไป แต่เมื่อได้สังเกตอาการของคุณพ่อด้วยตนเองกลับทำให้พบอาการแปลก ๆ ที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะอาการหลงและการมองเห็นภาพหลอน ในบางเวลาคุณพ่อไม่สามารถควบคุมหรือรู้ทันความคิดที่ออกมาจากสมอง จู่ ๆ ก็คิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมา จู่ ๆ ก็มีอีกเรื่องอื่นมาประติดประต่อ และจุดอันตรายคือช่วงเวลากลางคืน หลังจากนอนหลับไปสักระยะแล้ว ในบางคืนคุณพ่อตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการหลอนกลัว เสมือนว่าพ่อไม่สามารถแยกระหว่างความฝันกับความจริงได้ ส่วนอาการเห็นภาพหลอน มักจะเกิดจากการมองเห็นวัตถุใด ๆ กลายเป็นคน กลายเป็นเด็ก หากใครดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ หากผู้ป่วยนั่งคุยกับใครที่เราไม่เห็น ก็ไม่ต้องตกใจกลัวไปนะครับ เพราะสิ่งนี้คืออาการปกติของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือการจัดสถานที่ เพื่อให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัยในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น
พื้นที่กิจกรรม
ลูก ๆ หลาน ๆ หรือผู้ดูแล จำเป็นต้องสังเกตพฤติกรรมหรือกิจกรรมที่ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะผู้ป่วยจะสามารถเพลิดเพลินและอยู่กับสิ่งนั้นได้ตลอดทั้งวัน โดยไม่เบื่อเลย ช่วงแรกที่ทราบว่าพ่อเป็นอัลไซเมอร์ ผู้เขียนได้แต่ชวนให้พ่อมานั่งดูทีวี หรือมีกิจกรรมฝึกสมอง แต่นั่นอาจไม่ได้ทำให้พ่อมีความสุขที่จะทำนัก จึงได้สังเกตเห็นว่า พ่อชอบจัดสวน โดยเฉพาะการปูพื้นแผ่นทางเดิน จึงได้สั่งซื้อแผ่นทางเดินมาให้คุณพ่อปู ทุก ๆ เช้า พ่อจึงตื่นมาพร้อมกับการปูแผ่นทางเดินในสวนกระทั่งเย็น และไม่ต้องกังวลว่าจะต้องซื้อเพิ่มเยอะ ๆ นะครับ เพราะในพื้นที่เพียงไม่กี่ตารางเมตร พ่อปูวนเวียนไปมา ใช้เวลานานนับเดือน
จุดที่สังเกตได้คือ พ่อมีอารมณ์ดีขึ้นมาก สามารถลดปริมาณยาที่คุณหมอสั่งได้ และที่สำคัญช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ดูแล เมื่อผู้ป่วยมีกิจกรรมแล้ว ผู้ดูแลสามารถทำงานอื่น ๆ ได้ตามปกติ เพียงแค่ออกไปดูเป็นครั้งคราวเท่านั้น
ติดกล้องวงจรปิด
สิ่งแรกที่ผู้ดูแลต้องทำความเข้าใจ การติดกล้องเพื่อเฝ้ามองติดตามอาการของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาและช่วยให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการแอบมองอย่างไม่เหมาะสม เพราะบางอาการเราไม่อาจทราบได้เลยหากไม่เฝ้าดูในช่วงเวลาส่วนตัว อย่างในบ้านของผู้เขียนเองทำการติดกล้องวงจรปิดที่สามารถดูออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ ติดบริเวณโซนกิจกรรม หน้าบ้าน และห้องนอนของคุณพ่อ
สิ่งที่พบ บางคืนคุณพ่อยืนด้วยความหวาดระแวงที่หน้าประตู เมื่อเห็นว่ายืนอยู่นานนับชั่วโมง จึงได้เข้าไปเคาะประตูสอบถาม หากผู้ป่วยไม่ตอบโต้ใด ๆ ไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะผู้ป่วยจะระแวง และไม่รู้ว่าเป็นใคร หรือแม้แต่บางครั้งผู้ป่วยอาจจะจำผู้ดูแลไม่ได้ ค่อย ๆ เรียก ค่อย ๆ เปิดประตู จากการสอบถามคุณพ่อเล่าให้ฟังว่า มีกลุ่มโจรจะมาทำร้าย พ่อบอกว่ามันอยู่ด้านหลัง มันยังอยู่ ผู้ดูแลต้องค่อย ๆ คุย เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความสบายใจและส่งเข้านอนใหม่อีกครั้ง การใกล้ชิดกับผู้ป่วยจะทำให้ผู้ป่วยผ่อนคลายและนอนหลับสนิทยิ่งขึ้น
ห้องนอนโล่ง ๆ ดีที่สุด
อย่างที่ได้แจ้งอาการไว้เบื้องต้น ผู้ป่วยอัลไซเมอร์มักมองเห็นภาพหลอนและในช่วงกลางคืน อาจจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับเรื่องราวใด ๆ ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ในช่วงแรกเริ่มที่ยังไม่ปรับห้อง ห้องนอนยังเต็มไปด้วยตู้เสื้อผ้า ราวแขวน และของใช้อื่น ๆ ผลที่ได้คือ พ่อรื้อข้าวของเหล่านี้ หรือบางครั้งเห็นตระกร้าผ้าเป็นเด็ก เห็นตู้เสื้อผ้าเป็นคนร้าย หลังจากรู้อาการแล้วจึงทำการย้ายข้าวของออกหมด เหลือเพียงแค่เตียงนอนกับชุดเครื่องนอน และโต๊ะเก้าอี้ ไว้นั่งเขียนหนังสือ นั่งทานอาหารเท่านั้น ผลที่ได้คุณพ่อมองเห็นภาพหลอนน้อยลง และผู้ดูแลไม่ต้องเหนื่อยกับการจัดเก็บข้าวของใหม่ครับ
แนวทางปรับบ้าน รองรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/